วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

กันตรึม จ.สุรินทร์


กันตรึม จ.สุรินทร์



 

เป็นการละเล่นที่มีมานาน  แรกเริ่มนิยมเล่นประกอบพิธีกรรม  เรียกว่า เล่นเพลงอารักษ์  รักษาคนไข้โดยมีความเชื่อว่าผู้ป่วยประพฤติผิด  เป็นเหตุทำให้เทวดาอารักษ์ลงโทษ  รักษาโดยใช้เครื่องดนตรีกันตรึมประกอบในพิธีกรรมดังกล่าว  ยังนิยมกันมาถึงทุกวันนี้

มีเครื่องดนตรีประกอบด้วย ปี่อ้อ ซอกลาง กลองโทน ฉิ่ง ฉาบ กรับ  และการร้องประกอบเพลงในทำนองต่าง ๆ ร่วม 200 ทำนองเพลง  ต่อมาได้นำมาบรรเลงในพิธีแต่งงาน  เป็นเพลง กล่อมหอ ของคู่บ่าวสาว  และได้พัฒนาวงกันตรึมเป็นกันตรึมประยุกต์ตามสมัยนิยม  ปัจจุบันมีอยู่หลายคณะ เช่น วงของชาวบ้านดงมัน  คณะน้ำผึ้งเมืองสุรินทร์ ฯลฯ  และได้ปรับรูปแบบแข่งขันกันเป็นธุรกิจกันตรึมร็อค  กันตรึมเจรียง เป็นต้น
กันตรึมถือเป็นแม่บทของเพลงพื้นบ้านและการละเล่นพื้นบ้านอื่น ๆ ของจังหวัดสุรินทร์  ไม่ทราบแน่ชัดว่ามีมาแต่เมื่อไร  ลักษณะเป็นเพลงปฏิพากย์คล้ายเพลงฉ่อย เพลงเรือ หรือลำตัดของภาคกลาง  กันตรึมไม่มีแบบแผนของท่ารำที่แน่นอน  ไม่เน้นทางด้านการรำ  แต่เน้นความไพเราะของเสียงร้องและความสนุกสนานของทำนองเพลง  ปัจจุบันมีการพัฒนาเอาเครื่องดนตรีสากลอย่าง กลองชุด กีตาร์ และไวโอลินมาเล่นประกอบตามความนิยมของผู้ดู
ลักษณะทั่วไปของเพลงกันตรึม  คือ เนื้อร้องเป็นภาษาเขมร  จำนวนแต่ละวรรคไม่จำกัด  บทเพลงหนึ่งมี 4 วรรค  แต่ละบทไม่จำกัดความยาว  สัมผัสระหว่างบท  บางบทก็มีบางบทก็ไม่มี  บทเพลงกันตรึมไม่นิยมร้องเป็นเรื่องราว  มักคิดคำกลอนให้เหมาะกับงานที่เล่นหรือใช้บทร้องเก่า ๆ ที่จำกันมา  ทำนองเพลงมีหลายจังหวะ ประมาณ 228 ทำนองเพลง  มีมากจนบางทำนองไม่มีใครสามารถจำได้เพราะไม่มีการจดบันทึกเป็นลายลักษณ์  อาศัยการจดจำเท่านั้น  คุณค่าของบทเพลงกันตรึมอยู่ที่เนื้อร้องส่วนใหญ่แสดงถึงวิถีการดำเนินชีวิตในสังคมชนบท  กล่าวถึงการทำนา  ภารกิจ  งานบ้านซึ่งเป็นหน้าที่ของภรรยา  การหารายได้เลี้ยงครอบครัวเป็นหน้าที่ของสามี  และแสดงค่านิยมในสังคม อาทิ การเลือกคู่ครอง  เป็นต้น
(คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ, 2544 : หน้า 130 และ 145-148)
กันตรึมที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยม คือ คณะบ้านดงมัน อ.เมือง จ.สุรินทร์  โดยมีอ.ปิ่น ดีสมและอ.โฆษิต ดีสม เป็นผู้ควบคุมคณะ (วารสารทางวิชาการราชภัฏบุรีรัมย์  ฉบับปฐมฤกษ์  มหกรรมวัฒนธรรม 2541  งานมหกรรมวัฒนธรรมแห่งชาติและนานาชาติ ครั้งที่ 13 หน้า 51)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น